คุณได้ทำขั้นตอนแรกไปแล้ว คุณได้เปิดคำสั่งซื้อขายและได้เห็นแล้วว่าตลาดเคลื่อนไหวอย่างไร ตอนนี้เรามาเริ่มจริงจังกันเลย คุณรู้ไหมว่ามีอะไรเกิดขึ้นบนกราฟ? ว่าแต่กราฟคืออะไร?
คุณจะใช้หลากหลายวิธีในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา องค์ประกอบทั่วไปคือการดูกราฟเพื่อทำการคาดการณ์ เราจะแสดงวิธีทำความเข้าใจกราฟและเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุด
ประเภทของกราฟ
คุณได้เริ่มต้นด้วยการใช้กราฟเส้นเพื่อตรวจสอบราคา ซึ่งมันจะมีลักษณะดังนี้:
กราฟเส้นคือเส้นที่แสดงให้เห็นว่าราคาเคลื่อนไหวในอดีตอย่างไร มันจะแสดงเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของราคาเท่านั้น กราฟประเภทนี้เหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่มากกว่า
ในตัวอย่างข้างต้น คุณสามารถบอกได้ง่าย ๆ เลยว่าราคากำลังขยับขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจากนั้นก็เริ่มขยับลง
ปัญหาของกราฟเส้นคือความเรียบง่ายของมัน แต่ละจุดบนกราฟเส้นจะบอกเราว่าราคาเคยอยู่ที่จุดใดในอดีต แต่สิ่งนั้นเพียงอย่างเดียวก็ยังไม่เพียงพอ ต่อไปเราจะมาเรียนรู้กันว่ากรอบเวลาคืออะไร
กรอบเวลา จะแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาในช่วงเวลาที่กำหนด บนกราฟเส้น จะเชื่อมโยงราคาปิดของแต่ละช่วงเวลา เช่น 1 ชั่วโมง หรือ 1 วัน ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมแบบง่าย ๆ ของแนวโน้ม
ตัวอย่างด้านล่างนี้จะทำเครื่องหมายให้กับราคาปิดแต่ละราคา ซึ่งจะแสดงการเคลื่อนไหวของราคาในช่วง 10 ชั่วโมง
คุณจะเห็นรายละเอียดได้มากขึ้นบนกราฟแท่งเทียนดังที่แสดงอยู่ด้านล่าง
แท่งเทียนแต่ละแท่งจะแสดงให้เห็นว่าราคาเคลื่อนไหวอย่างไรในช่วงระยะเวลาหนึ่ง:
เนื้อเทียน จะแสดงราคาเปิดและราคาปิด
ไส้เทียนด้านบน จะแสดงราคาสูงสุดที่ได้แตะถึง
ไส้เทียนด้านล่าง จะแสดงราคาต่ำสุด
แท่งเทียนจะเป็น สีเขียว หากราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเวลานั้น ในกรณีนี้ ราคาได้เริ่มต้นจากราคาเปิด (ส่วนล่างของแท่งเทียน) และได้สิ้นสุดที่ราคาปิด แท่งเทียนสีเขียวจะถูกเรียกว่า กระทิง
แท่งเทียนจะเป็น สีแดง หากราคาได้ปรับตัวลงในช่วงเวลานั้น ในกรณีนั้น ราคาได้เริ่มต้นจากราคาเปิด (ส่วนบนของแท่งเทียน) และสิ้นสุดที่ราคาปิด แท่งเทียนสีแดงจะถูกเรียกว่า กระทิง
มาเปิดกรอบเวลารายวันในแอป FBS กัน แท่งเทียนหนึ่งแท่งจะแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาในหนึ่งวัน ดังนั้นแท่งเทียนห้าแท่งก็จะแสดงพฤติกรรมของ EURUSD ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์
ตอนนี้ไปที่กราฟ 5 นาที บนกราฟนี้ แท่งเทียนหนึ่งแท่งจะแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาภายในเวลา 5 นาที และภาพหน้าจอทั้งหมดจะแสดงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
แท่งเทียนหนึ่งแท่งจะแสดงการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงระยะเวลาที่กำหนด: เนื้อเทียน จะแสดงตำแหน่งที่แท่งเทียนเปิดและปิด ส่วน ไส้เทียน จะแสดงจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด สีเขียวจะหมายถึงราคาปรับตัวขึ้น ส่วนสีแดงจะหมายถึงราคาปรับตัวลง
คุณจะเห็นกราฟแท่งเทียนมากมายทางออนไลน์ บางครั้งคุณจะเห็นแท่งเทียนเป็นสีดำและสีขาว แต่บางครั้งก็จะเห็นเป็นแท่งเทียนสีเขียวและสีแดง
แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะสีของแท่งเทียนนั้นไม่ได้สำคัญอะไร ใน FBS เราจะใช้สีเขียวสำหรับแท่งเทียนขาขึ้นและสีแดงสำหรับแท่งเทียนขาลงเป็นค่าเริ่มต้น แต่เราก็มีตัวเลือกในการปรับแต่งสีให้เป็นไปตามที่คุณต้องการ
การคาดการณ์ราคา
พร้อมที่จะคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาครั้งแรกของคุณหรือยัง? นี่คือที่ที่การซื้อขายจริงเกิดขึ้น ลองนึกภาพว่าตลาดจะไปทางไหนก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง ๆ เราจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อนำหน้าเกม
เปิดบัญชี Demoการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ข้อได้เปรียบหลักของการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือมันเข้าใจง่าย แถมมันอาจเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างยิ่งหากใช้อย่างถูกต้อง ลองดูที่กราฟด้านล่าง
มันดูเหมือนจะง่ายทีเดียวหากคุณรู้วิธีการทำงานของเทียนแล้ว ราคาจะเพิ่มขึ้นทางฝั่งซ้ายของกราฟ และลดลงทางฝั่งขวา เราจะคาดการณ์จุดเปลี่ยนนั้นก่อนที่มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? เราใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค
ตัวบ่งชี้ ทางเทคนิค เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาและตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขายเมื่อใด มันจะทำงานโดยอัตโนมัติและบอกคุณได้มากกว่าที่เห็นบนกราฟที่ชัดเจน หนึ่งในตัวบ่งชี้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ RSI
Relative Strength Index (RSI) จะบอกเราถึงตอนที่ราคาสูงเกินไปหรือต่ำเกินไป ซึ่งจะทำให้เราทราบถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป ในกรณีนี้ RSI ได้พุ่งสูงเกินไป ซึ่งเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่ราคาควรจะลดลงเล็กน้อย
มาลองใช้ RSI กัน เพิ่มตัวบ่งชี้ RSI ในแอป FBS
เห็นไหมว่าราคาเคลื่อนไหวอย่างไรในตอนที่ RSI สูงหรือต่ำเกินไป? หากมันขึ้นสูง ราคาก็น่าจะลดลงในอีกไม่ช้า หากมันลดลงต่ำ ราคาก็อาจจะเพิ่มขึ้น ลองสังเกตช่วงเวลาเหล่านี้บนกราฟของคุณ
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
อยากรู้ว่ามีสิ่งอื่นอีกไหมที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคา? เหตุการณ์ใหญ่ ๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล รายงานทางการเงินจากบริษัทใหญ่ หรือข่าวระดับโลก อาจทำให้ราคาผันผวนอย่างรุนแรงรุนแรง การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานจะเกี่ยวข้องกับการค้นหาเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้
ธนาคาร รัฐบาล และบริษัทต่าง ๆ มักแลกเปลี่ยนเงินข้ามพรมแดนกันอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะส่งสินค้าไปยังประเทศอื่นและรับสกุลเงินต่างประเทศ ยิ่งพวกเขาส่งมากเท่าใดก็ยิ่งต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงินกลับมายังประเทศของตนมากขึ้นเท่านั้น
-
ธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่งต่างก็ทำธุรกรรมข้ามพรมแดน
-
รัฐบาลในแต่ละประเทศจำเป็นต้องซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อชำระหนี้ของตนและสำรองเงิน
-
บริษัทขนาดใหญ่จะทำการชำระเงินเพื่อการควบรวมกิจการและการซื้อกิจการจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง
สมมติว่าคุณเห็นพาดหัวข่าวว่า ‘อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น’
-
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้นหมายถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
-
ธนาคารดึงดูดเงินฝากมากขึ้น
-
อุปทานของสกุลเงินลดลง
-
เมื่ออุปทานมีน้อยลง มูลค่าของสกุลเงินก็มักจะเพิ่มสูงขึ้น
-
นี่อาจเป็นสัญญาณให้พิจารณาเปิดสถานะซื้อ โดยคาดว่าสกุลเงินจะแข็งค่าขึ้น
ตัวอย่างเช่น ชุมชนการซื้อขายทั้งหมดต่างจับตามองการเผยข้อมูล CPI ของสหรัฐอเมริกา (ซึ่งเป็นการวัดการเติบโตของราคา) เมื่อดัชนี CPI สูงเกินไป ธนาคารกลางของสหรัฐฯ ก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ปริมาณสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดลดลง
ดังนั้นในยามที่ดัชนี CPI สูงเกินไป สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐก็มักจะแข็งค่าขึ้น
ภาพด้านล่างนี้เป็นของวันที่ 10 ตุลาคม 2024 ในตอนที่ดัชนี CPI ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่คาดการณ์ (สูงเกินไป) ดอลลาร์สหรัฐได้พุ่งขึ้นทันที ส่วนสกุลเงินยูโรกลับร่วงลง
ในตอนที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้น จะหมายถึงมันแข็งค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในคู่สกุลเงิน EURUSD สกุลเงิน USD ที่แข็งค่าขึ้นนั้นหมายความว่าจะใช้เงินดอลลาร์น้อยลงในการซื้อ 1 ยูโร ซึ่งจะส่งผลให้อัตราแลกเลี่ยนของ EURUSD ลดลง
เมื่อ USD แข็งค่าขึ้น EURUSD ก็จะปรับตัวลง
โปรดทราบว่านี่เป็นตัวอย่างที่ง่ายมาก ๆ ของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เราเจาะลึกเรื่องนี้มากขึ้นในเนื้อหาขั้นสูงของเรา ซึ่งคุณจะพบว่ามีประโยชน์หลังจากที่เรียนหลักสูตรนี้ นอกจากนี้คุณสามารถอ่านบทวิเคราะห์ของเราได้ในช่อง Telegram เพื่อติดตามเหตุการณ์สำคัญทั้งหมด
มีตราสารใดบ้าง?
เทรดเดอร์ FBS ทุกคนสามารถเปิดสถานะบนหลากหลาย CFD ได้ ซึ่งทั้งหมดมีอยู่บนแพลตฟอร์มเดียว รายละเอียดโดย่อมีดังนี้:
ตราสาร | รายละเอียด | ตัวอย่าง | เคล็ดลับสำคัญ |
คู่สกุลเงิน | ซื้อขายตามการเปลี่ยนแปลงของราคาสกุลเงิน คุณไม่ได้ซื้อสกุลเงินจริง ๆ แต่คุณซื้อขายคู่สกุลเงินในรูปแบบ CFD | EURUSD, GBPJPY, EURGBP | คู่สกุลเงินที่ไม่มี USD หรือ EUR จะมีสเปรดกว้างกว่าแถมยังมีความผันผวนสูงกว่า จงหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้หากคุณเพิ่งเริ่มต้น |
สินค้าโภคภัณฑ์ | CFD บนวัตถุดิบที่มีการซื้อขาย สิ่งที่ได้รับความนิยมได้แก่ โลหะมีค่า น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ | ทองคำ (XAUUSD), น้ำมันเบรนท์, ก๊าซธรรมชาติ | สินค้าโภคภัณฑ์อาจมีความผันผวน ให้ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อกำหนดคำสั่งซื้อขายของคุณ |
หุ้น | บริษัทต่าง ๆ จะแบ่งการเป็นเจ้าของออกเป็นหุ้น ซึ่งคุณสามารถซื้อขายในรูปแบบ CFD ได้ ผลการดำเนินงานของบริษัทและความเชื่อมั่นของตลาดต่างมีอิทธิพลต่อราคาหุ้น | Amazon, Tesla, Apple | การซื้อขายหุ้นเหมาะกับการติดตามแนวโน้มตลาดในระยะยาว |
ดัชนี | CFD บนกลุ่มหุ้นที่เป็นตัวแทนส่วนหนึ่งของตลาด มักใช้เป็นมาตรวัดผลการดำเนินงานของตลาดโดยรวม | S&P 500 (US500), Nasdaq (US100), Dow Jones (US30) | ใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของหุ้นแต่ละตัว หรือในตอนที่ตลาดหุ้นปิดทำการ |
การบ้าน
อันนี้ยากกว่าเพราะคุณต้องเรียนรู้จึงจะประสบความสำเร็จได้
เปิดแอป FBS และเพิ่มตัวบ่งชี้ Bollinger Bands (BB) ลงในกราฟ 5 นาที
เปิดแอป
คุณจะเห็นว่ามันประกอบไปด้วยเส้นหลายเส้น ซึ่งไม่เหมือน RSI ที่มีเพียงเส้นเดียว ราคามีแนวโน้มที่จะเด้งไปมาระหว่างเส้นบนและล่าง ซึ่งจะทำให้คุณทราบถึงการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตได้
เปิดสถานะซื้อในตอนที่ราคาแตะแถบล่าง
จับตามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 20-30 นาทีข้างหน้า คุณเพิ่งใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง?
ในบทเรียนถัดไปเราจะต่อยอดสิ่งนี้เพื่อสร้างกลยุทธ์ขั้นสูงมากยิ่งขึ้น