ดอกเบี้ยทบต้นในการซื้อขาย: วิธีการนำไปใช้เพื่อทำให้เงินฝากของคุณงอกเงย

บทนำ

ผู้คนมักมองว่าการซื้อขายนั้นเป็นเหมือนการวิ่งระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต การซื้อขายก็เป็นเหมือนกับการวิ่งมาราธอนที่ชัยชนะขึ้นอยู่กับความอดทน กลยุทธ์ และความอดทน

บางคนก็ซื้อขายอย่างบ้าคลั่งและพยายาม "เอาชนะตลาด" ซึ่งบางครั้งก็อาจทำเงินได้นับหมื่นในวันเดียว ขณะเดียวกัน คนอื่น ๆ ก็ทำงานอย่างหนักเพื่อประเมินแต่ละคำสั่งซื้อขายแล้วค่อย ๆ เพิ่มทุนของพวกเขา ความแตกต่างระหว่างสองแนวทางนี้ทำให้เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้นแตกต่างจาก “นักพนัน”

ในขณะที่เทรดเดอร์ทำงานตามกลยุทธ์ของตัวเอง นักพนันจะพยายามคว้าเงิน “เงินทั้งหมดในโลก” ซึ่งส่วนใหญ่มักจะสูญเสียและไม่เหลืออะไรเลย

บทความนี้จะหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายที่จะช่วยให้คุณชนะการวิ่งมาราธอนนี้ และเปลี่ยนความเข้าใจโดยรวมของคุณเกี่ยวกับการซื้อขายในตลาดการเงิน

ดอกเบี้ยทบต้นในการซื้อขายคืออะไร

เทรดเดอร์และนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่หลายคนต่างสร้างโชคให้ตัวเองด้วยดอกเบี้ยทบต้น แนวคิดนี้เกี่ยวข้องกับการนำผลกำไรจากการซื้อขายครั้งก่อนมาลงทุนใหม่ เพื่อเพิ่มปริมาณของคำสั่งซื้อขายในอนาคต ดอกเบี้ยทบต้นจะคำนวณกำไรจากเงินทุนบวกกำไรสะสม (หรือลบขาดทุนสะสม) ซึ่งแตกต่างจากดอกเบี้ยธรรมดาตรงที่กำไรจะถูกคำนวณโดยใช้เงินทุนเดิมเท่านั้น ดังนั้น แต่ละธุรกรรมจะเกี่ยวข้องกับสัดส่วนของมาร์จิ้นที่เหลืออยู่ ซึ่งในแง่การเงิน จะเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเงินในบัญชี และจะลดลงเมื่อยอดเงินในบัญชีเหลือลดลง

ตอนนี้ ลองพิจารณาสถานการณ์ในชีวิตจริงที่เทรดเดอร์ใช้เงินฝาก $500 อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนคือ 1 ต่อ 2 ขาดทุนได้สูงสุดต่อหนึ่งคำสั่งซื้อขายคือ 3% ของยอดคงเหลือ และอัตราชนะคือ 50%

ด้วยกลยุทธ์นี้ เทรดเดอร์ของเราจะได้รับ 6% ของการลงทุนทุกครั้งที่ชนะ และสูญเสีย 3% สำหรับทุกคำสั่งซื้อขายที่แพ้ ความไม่สมดุลระหว่างอัตราชนะและแพ้นั้นสำคัญมาก นั่นคือโอกาสชนะต้องมากกว่าแพ้สองเท่า

แล้วดอกเบี้ยทบต้นทำงานอย่างไรในทางปฏิบัติ?

นี่คือสูตรที่ใคร ๆ ก็สามารถนำไปใช้ได้เพื่อทำให้การคำนวณง่ายขึ้น:

E=D×((1+P_win)×(1−L_loss))^N×WinRate

• E – ยอดคงเหลือสุดท้าย
• D – เงินฝากเริ่มต้น
• P_win – เปอร์เซ็นต์ของกำไรต่อคำสั่งซื้อขายที่ชนะ
• L_loss – เปอร์เซ็นต์ของการสูญเสียต่อคำสั่งซื้อขายที่แพ้
• N – จำนวนของคำสั่งซื้อขาย
• WinRate – สัดส่วนของคำสั่งซื้อขายที่ชนะจากจำนวนคำสั่งซื้อขายทั้งหมด (คิดเป็นเศษส่วนของจำนวนเต็ม 1 เช่น 0.5 คือ 50%)

หากเทรดเดอรเปิดคำสั่งซื้อขายแล้วชนะ เงินฝาก $500 จะเพิ่มขึ้น 6% หรือ $30 ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ $530 ในทางกลับกัน หากคำสั่งซื้อขายที่เปิดนั้นแพ้ เงินฝากจะลดลง 3% ซึ่งก็คือ $15 ซึ่งจะทำให้ยอดคงเหลืออยู่ที่ $485

เราจะเห็นว่าความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้นนั้นได้ผลหากเราพิจารณาเปิดไม่กี่คำสั่งซื้อขาย โดยทุกครั้งที่ชนะ เงินทุนจะเพิ่มขึ้น 6% สิ่งสำคัญคือต้องลดผลกระทบของการขาดทุนด้วยเปอร์เซ็นต์การขาดทุนและกำไรจากเงินทุนที่ลดลงจากชัยชนะครั้งก่อน

ด้วยการใช้สูตรข้างต้น เราจะสามารถคำนวณได้อย่างง่ายดายว่าเงินฝากจะเพิ่มขึ้นอย่างไรโดยใช้พารามิเตอร์ทั้งหลายที่เราได้กล่าวถึงข้างต้น

E=500×((1+0.06)×(1−0.03))^200×0.5

E=8067.33

สูตรนี้ตรงไปตรงมาและสะดวกมาก ดังนั้นใคร ๆ ก็สามารถใช้สูตรนี้เพื่อสร้างกลยุทธ์การซื้อขายของตนเองได้ หากคุณใช้กลยุทธ์ดังกล่าว ในไม่ช้า คุณจะสังเกตเห็นว่าเงินฝากของคุณเพิ่มขึ้นอย่างไร และคุณบรรลุเป้าหมายสูงสุดอย่างไร

จริงอยู่ที่หนึ่งปีมี 250 วันซื้อขายโดยเฉลี่ย แต่เนื่องจากไม่มีใครซื้อขายทุกวัน ดังนั้นคุณจึงมีวันซื้อขายประมาณ 200 วัน เราได้คำนวณความคืบหน้าโดยใช้สูตรด้านบนและพบว่าในวันที่ 200 ของการซื้อขาย ยอดคงเหลือจะอยู่ที่ 8,067.33 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าเงินฝากเริ่มต้นที่ 500 ดอลลาร์ อย่างมาก นั่นหมายความว่าเงินฝากจะเพิ่มขึ้น 1,513% ในแค่ปีการซื้อขายเดียว!

คุณอาจเห็นโอกาสที่ดอกเบี้ยทบต้นเปิดให้ในการซื้อขาย แม้ว่าจะมีอัตราการชนะในระดับปานกลางที่ 50% หากเราพิจารณาการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นอีก สมมติว่าอัตราชนะของเราคือ 60% หลังจากปีเดียวกันซึ่งมี 200 วันซื้อขาย ยอดคงเหลือจะอยู่ที่ $14,069 นั่นหมายความว่าเงินฝากอาจงอกเงยขึ้นถึง 2,713% ในหนึ่งปี!

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราซื้อขายต่อไปนานกว่าหนึ่งปี? หากเรายึดถืออัตราการชนะที่ 50% และใช้จำนวน $8067.33 เป็นเงินฝากเริ่มต้น ยอดคงเหลือหลังจาก 200 วันทำการจะสูงถึง $130,163

ผลของดอกเบี้ยทบต้นนั้นจะน่าประทับใจมากขึ้นตามเวลา แม้ว่าจะมีอัตราชนะในระดับปานกลางที่ 50% หากเทรดเดอร์มีวินัยเพียงพอที่จะรับ 6% จากการชนะและสูญเสียเพียง 3% จากคำสั่งซื้อขายที่แพ้ เงินทุนของพวกเขาก็จะยังคงงอกเงยต่อไป สิ่งสำคัญคือคุณต้องรู้ว่ากลยุทธ์นี้ต้องการความสม่ำเสมอในการใช้แผนการซื้อขายและการจัดการความเสี่ยง

ดังนั้นเราจึงมีข้อพิสูจน์อีกประการหนึ่งว่าการซื้อขายจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเมื่อมันอยู่บนพื้นฐานของกลยุทธ์ที่ดี

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีศักยภาพมาก แต่เทรดเดอร์ก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย เพราะการขาดทุนต่อเนื่องก็สามารถล้างเงินทุนได้อย่างรวดเร็วหากเทรดเดอร์ละเลยขีดจำกัดการขาดทุน 3% ตามที่วางแผนไว้ ณ จุดนี้ระเบียบวินัยและกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับการทดสอบอย่างดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ

สรุป

สรุปแล้ว กลยุทธ์ที่อย่างชัดเจนและความอดทนจะช่วยให้ได้รับชัยชนะในการซื้อขาย ส่วนดอกเบี้ยทบต้นจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มรายได้เมื่อเวลาผ่านไป และมองว่าการซื้อขายเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง หากใครจัดการความเสี่ยงอย่างระมัดระวังและยึดมั่นในกลยุทธ์ที่ชนะมากกว่าแพ้ แม้แต่จำนวนเงินฝากระดับกลาง ๆ ก็สามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก

หากเทรดเดอร์ทำตามขั้นตอนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกวันและไม่พยายามสร้างทำเงินทั้งหมดในโลกในช่วงเวลาสั้น ๆ มันก็เป็นไปได้ที่จะได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมและได้รับผลกำไรที่น่าประทับใจ ดังที่ Warren Buffett ได้กล่าวไว้ว่า “ตลาดหุ้นเป็นอุปกรณ์ในการโอนเงินจากผู้ที่ใจร้อนไปยังผู้ที่อดทน”

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คุณจะใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นได้อย่างไร?

หลายคนถอนกำไรทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ ดังนั้นพวกเขาจึงประเมินผลกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากคุณเลือกที่จะนำกำไรกลับไปลงทุนอีกครั้ง คุณจะสามารถเพิ่มปริมาณของคำสั่งซื้อขายของคุณได้ในที่สุด ด้วยกลยุทธ์อันชาญฉลาดที่จำนวนคำสั่งซื้อขายที่แพ้ได้รับการชดเชยด้วยคำสั่งซื้อขายที่ชนะ คุณก็จะได้รับมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

กำไรทบต้นใช้ในตลาดหุ้นได้หรือไม่?

ใช้ได้แน่นอน ตลาดหุ้นยังมอบโอกาสในการได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นและสร้างรายได้เพิ่มเติมเมื่อเวลาผ่านไป จริงอยู่ที่ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงสูงกว่าแต่ผลตอบแทนก็อาจมากกว่า หากคุณใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ชาญฉลาดและใช้ดอกเบี้ยทบต้นในตลาดหุ้น คุณจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 10% หรือ 15% ต่อปี

ดอกเบี้ยทบต้นนั้นมหัศจรรย์อย่างไร?

ดอกเบี้ยทบต้นจะทำให้เงินทำงานแทนที่คุณจะต้องมานั่งทำงานเพื่อเงิน ดอกเบี้ยทบต้นจะช่วยให้คุณสามารถสร้างความมั่งคั่งได้แม้จะไม่มีเงินลงทุนเริ่มแรกที่น่าประทับใจก็ตาม นี่คือสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันแต่ละเลยโอกาส

ยกตัวอย่างของดอกเบี้ยทบต้นในตลาดหุ้นหน่อยสิ?

เมื่อคุณลงทุนในหุ้น คุณจะได้รับเงินปันผล ผู้คนมักจะถอนเงินปันผล แต่ถ้าคุณเลือกที่จะนำกลับไปลงทุนใหม่ในหุ้นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำกำไรได้ดีสำหรับคุณ คุณสามารถขยายผลและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป